เกมเทิร์นเบสยังไม่ตาย ! แต่ทำไมถึงหาเล่นยากขึ้น ทั้งที่ยังมีคนคิดถึงอยู่ไม่น้อย

เกมเทิร์นเบสยังไม่ตาย แต่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ในวันที่เกมแอ็คชั่นครองกระแส แนวเทิร์นเบสก็ยังคงมีที่ยืนของตัวเอง

ในยุคที่เกมแอ็กชันเรียลไทม์กำลังครองตลาด หลายคนอาจมองว่า เกมแนวเทิร์นเบส (เกม Turn-Based) นั้นตกยุคและกำลังจะกลายเป็นอดีตที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว เพราะนับวันก็ยิ่งเห็นเกมแนวนี้ออกมาให้เล่นน้อยลงเรื่อง ๆ เมื่อเทียบกับยุค 90s-2000s ที่เป็นยุครุ่งเรืองของเกม JRPG แต่ก็ยังมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่ยังคงคิดถึงและต้องการเกมแนวนี้อยู่เสมอ แล้วอะไรคือเหตุผลที่เกมแนวเทิร์นเบสดูเหมือนจะค่อย ๆ เลือนลางหายไปในยุคนี้ ทั้งที่ยังมีคนต้องการ เราจะลองชวนมาวิเคราะห์หาคำตอบกัน

เกมเทิร์นเบสคือเกมที่ผู้เล่นและศัตรูผลัดกันเล่นตามลำดับ โดยการกระทำของแต่ละฝั่งจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้ผู้เล่นมีเวลาไตร่ตรอง วางแผนอย่างมีชั้นเชิง กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ต่างจากเกมแนวแอ็คชั่นที่เน้นความพลิ้วไหวและการตอบสนองที่รวดเร็วมากกว่า

ในอดีต เกมแนวนี้ถือเป็นแนวหลักของเกม RPG ญี่ปุ่น (หรือ JRPG) ซีรีส์ยักษ์ใหญ่หลายตระกูล เช่น

หนึ่งในต้นตำรับเกม JRPG ที่ยึดมั่นกับระบบเทิร์นเบสมาโดยตลอด ที่มาจนถึงภาคล่าสุดก็ยังคงความคลาสสิกนี้ไว้

นอกจากระบบเทิร์นเบสแบบดั้งเดิมแล้ว ในหลาย ๆ ภาคยังมีการประยุกต์ไปเป็น Active Time Battle (ATB) ที่ทำให้ผู้เล่นได้วางแผนต่อสู้แบบผลัดกันแต่มีความกดดันเรื่องเวลาเล็กน้อย และกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Final Fantasy ในยุคนั้น

โดยเฉพาะ Persona 3-5 ที่โด่งดังมาตั้งแต่ยุค PS2 จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในเกมเทิร์นเบสที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ ด้วยการผสมผสานเรื่องราวแนววัยรุ่น โรงเรียน และระบบต่อสู้ด้วย Persona ที่โดดเด่น

เกม RPG แนว Tactical Turn-Based ที่เน้นการเดินบนกระดานคล้ายหมากรุก วางตำแหน่งตัวละครและใช้กลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง

1. กระแสตลาดเปลี่ยน เกมรวดเร็วได้ความนิยมกว่า

ยุคของสตรีมมิง คลิปสั้น และการเล่นเกมที่ใช้เวลาน้อยลง ทำให้เกมเมอร์ยุคใหม่ ๆ คุ้นชินกับเกมที่ตอบสนองไวอย่างเช่นเกมแนวแอ็คชั่นหรือเกมชูตติ้ง เช่น Black Myth: Wukong, Resident Evil, Grand Theft Auto หรือเกม Action-RPG ที่มีการต่อสู้รวดเร็ว และตอบสนองแบบเรียลไทม์ เช่น Genshin Impact, Elden Ring, The Legend of Zelda

2. เกมเทิร์นเบสดูช้าและไม่เร้าใจ

โดยเฉพาะในสายตาเกมเมอร์คนรุ่นใหม่ เกมแนวเทิร์นเบสอาจถูกมองว่าดูไม่ตื่นเต้น ช้า และน่าเบื่อ เพราะไม่มีฉากแอ็คชั่นบู๊มันส์ ๆ ให้กดรัว ๆ ไม่มีระบบต่อสู้แบบคอมโบรวดเร็ว

3. ต้นทุนสูง แถมเสี่ยง

การสร้างเกมในยุคปัจจุบันต้องใช้ต้นทุนและเวลาในการพัฒนามากกว่ายุคสมัยก่อนมาก และถ้าหากเกมออกมาขายไม่ดีหรือทำกำไรไม่ได้ ก็อาจส่งผลให้บริษัทผู้พัฒนาเกมขาดทุนอย่างหนัก หลาย ๆ ค่ายจึงเลือกที่จะไม่เสียง และหันไปทำเกมแนวอื่น ๆ ตามยุคสมัยนิยมที่มีแนวโน้มจะทำกำไรได้มากกว่าแทน หรือแม้แต่บางเกมที่อดีตเคยเป็นเทิร์นเบส แต่ภาคใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบันก็ถูกเปลี่ยนแนวให้มีความแอ็คชั่นมากขึ้น

หากจะยกตัวอย่างเกมซีรีส์ใหญ่ที่อดีตเคยเป็นเกมเทิร์นเบส แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนแนวเกมไปตามยุคสมัย แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึง Final Fantasy อย่างแน่นอนซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

จากระบบเทิร์นเบสแบบดั้งเดิมและแบบ ATB ที่ใช้ในภาค 1-10 มาสู่กึ่งเรียลไทม์ในภาค 10-2, 12 และ 13 จนกระทั่งระบบแอ็คชั่นตั้งแต่ภาค 15 และล่าสุดใน Final Fantasy XVI ที่กลายเป็นเกมแอ็คชั่นสไตล์ Hack and Slash (คล้ายกับ Devil May Cry) แบบเต็มตัว ซึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้เกมซีรีส์ Final Fantasy ถูกปรับเปลี่ยนไปทางเดิมนั้น อาจเป็นไปได้หลายสาเหตุ ได้แก่

• Final Fantasy เป็นซีรีส์ที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบมาตลอดทุกภาคอยู่แล้ว

• ทำให้เกมดูทันสมัยด้วยระบบเกมที่เป็นไปตามยุคสมัยนิยม

• ต้องการเข้าถึงกลุ่มเกมเมอร์ยุคใหม่ที่ชอบเล่นเกมระบบต่อสู้รวดเร็ว

• ไม่กล้าเสี่ยงทำแนวเทิร์นเบสเพราะกลัวขายไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ถึงว่า Final Fantasy ภาคใหม่ ๆ จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีความเป็นแอ็คชั่นมากขึ้น แต่ก็มีกระแสตอบรับในเชิงลบจากผู้เล่นบางส่วนอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเกมแนวเทิร์นเบสแบบ Final Fantasy ในยุคสมัยก่อน

แม้เกมเทิร์นเบสจะไม่ใช่แนวกระแสหลักอย่างเกมแอ็คชั่นในยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังมีผู้พัฒนาเกมหลายเจ้าที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของระบบนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ยกตัวอย่างเกมที่ถูกพูดถึงค่อนข้างมากเช่น

เกมเทิร์นเบสสุดแหวกแนวจากฝั่งตะวันตก ที่มาพร้อมงานภาพสุดอลังการและธีมแฟนตาซีแบบศิลปะเหนือจริง กับระบบการต่อสู้ที่ผสมผสานเทิร์นเบสเข้ากับจังหวะและการควบคุมแบบเรียลไทม์ในการหลบหลีกและปัดป้องการโจมตีของศัตรู เพิ่มอรรถรสให้แตกต่างจากแนวเทิร์นเบสแบบเดิม ๆ

เกม RPG จากทีมผู้พัฒนาเดียวกับเกมซีรีส์ Persona ที่มาในธีมโกธิคกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้น พร้อมระบบและการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่แม้จะมีกลิ่นอายของเกม Persona แต่ก็ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง

เกมจาก HoYoverse (miHoYo) ธีมอวกาศที่ผสมผสานงานภาพสุดล้ำของเกมยุคใหม่เข้ากับระบบเทิร์นเบสแบบดั้งเดิม กลายเป็นเกมที่เข้าถึงผู้เล่นยุคใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยระบบการต่อสู้ที่ลื่นไหล วางแผนได้ลึก และมีตัวละครให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย

เกม JRPG ที่ได้แรงบันดาลใจจากยุค 16-bit แต่นำกลับมาเล่าใหม่ด้วยกราฟิก HD-2D ที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ กับการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่มีเอกลักษณ์ด้วยระบบ Break และ Boost เพิ่มลูกเล่นให้กับการวางกลยุทธ์ ทำให้ทุกการต่อสู้เต็มไปด้วยชั้นเชิง

หนึ่งในซีรีส์ที่นำเทิร์นเบสกลับมาทำให้ล้ำกว่าเดิม ด้วยระบบ Brave/Default ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นยืมเทิร์นล่วงหน้า หรือเก็บเทิร์นไว้ใช้ทีหลัง เป็นระบบที่เปิดมิติใหม่ให้กับการต่อสู้แบบวางแผน พร้อมทั้งอาชีพคลาสต์ต่าง ๆ ให้ได้เลือกเล่นมากมาย

จากทั้ง 4 เกมข้างต้นจะเห็นได้ว่า เกมแนวเทิร์นเบสไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกปรับให้เข้ากับยุคมากขึ้น ทั้งในด้านงานภาพ ความเร็วของระบบ และความลึกของกลยุทธ์ แม้จะไม่ใช่แนวหลักในตลาด AAA ทุกวันนี้ แต่สำหรับเกมเมอร์ที่ชอบเกมที่ต้องใช้สมอง ความใจเย็น และการวางแผนลึกซึ้ง เกมแนวนี้ก็ยังคงมีคุณค่า และยังคงถูกพัฒนาอยู่ หากคุณเป็นคนที่ยังรักเกมเทิร์นเบส อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะเกมที่ดีแนวนี้ยังคงมีอยู่เสมอ เพียงแต่อาจต้องค้นหามากขึ้นสักนิด

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Square-Enix, HoYoverse, Kepler Interactive, Sandfall Interactive, SEGA, ATLUS, Nintendo